The Hub Cafe and Eatery คาเฟ่สไตล์กลาสเฮ้าส์ย่านพระราม 9

  • littleduck
  • 13/04/2017
The hub cafe and eatery 025

The Hub Cafe and Eatery เป็นคาเฟ่เรือนกระจก (กลาสเฮ้าส๋) ย่านถนนพระราม 9 ที่เป็นได้ทั้งร้านอาหารและคาเฟ่ที่เหมาะทั้งสำหรับการมารับประทานอาหารหรือจะมานั่งทำงานด้วยก็ได้บรรยากาศดีไม่แพ้กัน ด้วยความร่มรื่นของต้นไม้สีเขียวรายรอบร้านให้ความรู้สึกสบายตาทุกครั้งที่หันไปมอง และตัวร้านเองก็เป็นร้านแบบสูงโปร่ง การจัดวางโต๊ะไม่แออัด มีพื้นที่พอจะให้ความรู้สึกเป็นส่วนตัว อื้อหือ ครบครันขนาดนี้จะน่าไปขนาดไหนคงต้องลองมาอ่านบทความนี้กันต่อแล้วล่ะ

The Hub Cafe and Eatery คาเฟ่สไตล์กลาสเฮ้าส์นี้หาไม่ยาก เพียงเข้าซอยข้าง The Nine พระราม 9 แล้ววิ่งตัดด้านหลังห้างสรรพสินค้ามาแล้วตรงมาเรื่อยๆ จนเกือบสุดก่อนสุดซอยราว 500 เมตรก็จะเจอร้านพอดี ร้านจะอยู่ตรงทางกึ่งๆ โค้งซึ่งมองเห็นได้ไม่ยาก และภายในร้านจะมีที่จอดรถได้ไม่เกิน 10 คัน ทั้งนี้สามารถจอดด้านนอกร้านได้อีก

ภายในร้านจะแบ่งเป็นสองโซนได้แก่โซน Indoor และ Outdoor โดยโซน Indoor จะมีโต๊ะไม้ทั้งแบบเหลี่ยม แบบกลม โดยโต๊ะส่วนใหญ่จะเป็นสีน้ำตาลเข้ม เว้นแต่โต๊ะยาวแถบหน้าร้านที่นั่งได้ราวสิบคนจะเป็นโต๊ะสีไม้อ่อน และเก้าอี้ก็มีทั้งเก้าอี้ไม้และโซฟา ภายในร้านมีโต๊ะราวๆ 15 โต๊ะ ซึ่งส่วนมากจะเป็นโต๊ะที่นั่งสำหรับ 4 ที่นั่ง

ส่วนโซนนอกร้านส่วนมากจะเป็นโต๊ะสำหรับ 2 ที่นั่งและเป็นโซนสำหรับคนที่สูบบุหรี่เสียมากกว่า ผสานกับอากาศบ้านเราที่มันร้อนเหลือเกินทำให้แม้จะมีต้นไม้คอยเป็นร่มเงาและเปิดพัดลมเอาไว้ก็ยังไม่ไหวที่จะออกมานั่งอยู่ดี

แต่แม้จะขึ้นชื่อว่าเป็น “คาเฟ่” ก็ยังมีเรื่องอาหารการกินให้เลือกหลากหลายอยู่ทั้งไทย (ข้าวผัด, ลาบ, ฯลฯ) ฝรั่ง (สปาเกตตี, เบอร์เกอร์, ซุป, ฯลฯ) และแน่นอนว่าเครื่องดื่มจำพวกชา กาแฟ นม ก็ต้องมีเช่นเคย ราคาเฉลี่ยของทุกเมนูก็ 100 บาทขึ้นไป ทั้งนี้ราคาดังกล่าวยังไม่รวมค่าบริการอีก 10%

เมนูน้ำที่มาลองคือ Iced Caramel Macchiato (130 บาท) และ Signature Chocolate Shake (140 บาท) โดยตัวคาราเมลมัคคิอาโต้นั้นมีความหอมหวานละมุนของคาราเมลตามชื่อและมีการชงแบบแยกชั้นกับกาแฟ อันนี้เวลากินแอบลำบากแต่มันต้องกินแบบค่อยๆ ดูดให้รสหวานของนม ตามมาด้วยรสขมของกาแฟถึงจะได้รสชาตินี่แหละ ซึ่งรสชาติของมันก็หอมหวานอร่อยสมชื่อดี ส่วนช็อคโกแลตปั่น (เรียกซะบ้านๆ ฮ่าๆ) มีความเข้มข้น อร่อยสมเป็นช็อคโกแลต มิใช่น้ำตาลปั่น รสชาติจึงไม่ได้หวานมากเกินไป

ต่อด้วยอาหารจานหลักกันบ้าง มากันสองคนฉะนั้นลองสั่งสักสามอย่างก็เยอะพอดูละ โดยอาหารจะมีดังนี้
Mushroom Soup: ซุปเห็ดรสขาติเข้มข้นจัดจ้าน รับรู้ถึงเห็ดเหมือนขนเห็ดทั้งกิโลมาทำเป็นซุปเลยก็ว่าได้ แต่ถึงจะบอกว่ารสชาติเข้มข้นมันก็ไม่ได้เลี่ยนเลย ซึ่งสำหรับออเดิร์ฟเรียกน้ำย่อยนี่เราว่าโอเคมาก (160 บาท)
Swiss Mushroom Burger: เบอร์เกอร์สไตล์โฮมเมด ดูจากภาพแรกเหมือนจะก้อนเล็กๆ แต่พอมาดูจริงๆ อื้อหืออ ไส้หนามากทั้งเนื้อทั้งเครื่องต่างๆ ยัดมาพร้อมกับชีสแบบจืด ตัวขนมปังจะกรองนอกนุ่มใน และหนาพอตัว จะไม่บางเหมือนร้านเบอร์เกอร์ที่มีขายทั่วไปตามบ้านเรา รสชาติเมนูนี้จะจืดๆ ไม่ได้มีรสเด่นอะไรมาก แต่ตัวเนื้อนุ่ม เคี้ยวง่าย สบาย ไม่เหนียว ทั้งนี้มีการเสิร์ฟพร้อมเฟร้นช์ฟรายชิ้นใหญ่พอตัว มีความกรอบเล็กๆ ออกแนวนุ่มมากกว่า และเฟร้นช์ฟรายนี่คืออร่อย มีรสชาติเค็มนิดๆ กำลังดี แกล้มกับเบอร์เกอร์คือลงตัว ส่วนสลัดเป็นแบบน้ำใส ออกรสเปรี้ยวๆ หน่อยไว้แก้เลี่ยนได้ดี (280 บาท)
Spaghetti Spicy Garlic and Bacon: ตอนสั่งเมนูนี้อยากได้อะไรก็ตามที่มีรสชาติเผ็ดๆ มาตัดกับสองเมนูก่อนหน้านี้หน่อย ก็เลยจัดเจ้านี่มา พอมาเสิร์ฟนี่แบบ หน้าตาดูดีน่ากินได้อีก เส้นนุ่มกำลังดีมีความแข็งเล็กน้อยให้รับรู้ว่านี่คือเส้นสปาเกตตีไม่ใช่บะหมี่ !! เบคอนนุ่มมีความมันติด มีเครื่องเคียงที่ผัดมาพร้อมกันทั้งมะกอก มะเขือเทศ พริกแห้งช่วยให้หน้าตาดูดีและช่วยแก้เลี่ยนได้ดี แต่ต้องบอกว่าเมนูนี้แม้ชื่อจะดูเผ็ดแต่พอลองกินดูมันไม่ได้เผ็ดเลย ออกกลางๆ ไม่ได้จืด ซึ่งถ้าใครไม่ชอบทานเผ็ดมากน่าจะชอบ (200 บาท)

สรุปมื้อนี้โดนไปทั้งหมด 940 บาท ซึ่งที่ร้านจะมีค่า Service Charge อีก 10% ทำให้จ่ายจริงคือ 1,034 บาท ซึ่งถือว่าราคาค่อนข้างสูงอยู่เหมือนกัน ซึ่งสำหรับร้าน The Hub Cafe and Eatery ถ้าจะไปเน้นทานแล้วกลับก็ดูจะไม่คุ้มสักเท่าไหร่ แต่ถ้าจะไปนั่งทำงานหรือนั่งอ่านหนังสือชิลๆ ต่อสักหนึ่งถึงสองชั่วโมงก็ดูจะคุ้มค่าดี และสำหรับใครที่จะแบกคอมไปทำงานก็สบายใจได้เพราะที่ร้านมีปลั๊กไฟอยู่ตามโต๊ะต่างๆ หลากหลายโต๊ะเลยล่ะ

Share this post

littleduck
ผมจำความได้ว่าตอนเด็กจะเห็นป๊ากินอาหารจืดมาก รวมไปถึงอากงอาม่าที่แทบไม่ปรุงอะไรเลย โดยเน้นความหอมจากวัตถุดิบและกรรมวิธีการทำ ซึ่งมันเป็นสิ่งที่ทำได้ไม่ง่ายนัก และไม่ใช่รสที่หาได้จากร้านทั่วไป เรียกได้ว่าผมไม่ได้เจอรสแบบนี้นานมาก จนกระทั่งได้ลองที่ร้าน Ho Kitchen Rama3 Est.2002 แล้วภาพในอดีตตอนยังเป็นเด็กมันย้อนกลับมา มันทำให้ผมเผลอยิ้มอย่างไม่รู้ตัวทันทีที่นึกถึงวันที่ผมยังเด็กและอากงอาม่ายังอยู่ครบ …นี่มันไม่ใช่แค่อาหาร แต่มันคือความทรงจำ อาหารจีนที่กินแล้วรู้สึกดี อย่างที่รู้กันว่าคนจีนเป็นชนชาติที่ให้ความสำคัญกับความเชื่อเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะของกินที่มีความหมายดี และต้องเป็นวัตถุดิบที่ผ่านการปรุงอย่างดีเพื่อให้ดีต่อสุขภาพด้วย โดยเซ็ตที่เรามารีวิวในครั้งนี้เหมาะสำหรับ 10 คน ราคา 8,000 บาท หรือหารตกคนละ 800 บาท เมื่อดูที่เมนูและปริมาณ สำหรับผมรู้สึกว่าไม่เสียดายเงินเลยครับ โดยเฉพาะการพาครอบครัวที่เรารักมานั่งโต๊ะพร้อมหน้ากัน ใช้เวลาความสุขร่วมกัน แค่นี้ก็คุ้มแล้ว ก่อนที่จะเข้าเซ็ต 8,000 บาท อยากแนะนำโปรโมชั่นติ่มซำ 2 แถม 1 โดยเมนูที่เราได้ลองคือ ขนมจีบกุ้ง, ขนมจีบปู, ฮะเก๋า, ก๋วยเตี๋ยวหลอดกุ้งกรอบ, ฟองเต้าหู้กุ้งทอด, ซาลาเปาไส้หมูแดง ซึ่งทุกเมนูให้เนื้อมาเน้นๆ กุ้งเป็นกุ้ง ขนมจีบก็เนื้อแน่นเด้งกินง่ายเต็มปากเต็มคำ ส่วนซาลาเปาไส้หมูแดงก็ให้ไส้มาเยอะ รสชาติเบาๆ ไม่จัด ก๋วยเตี๋ยวหลอดและฟองเต้าหู้ทอด ก็มีความกรุบกรอบเล็กๆ พอให้มีมิติ […]
บังเอิญว่า kabukichō 77 เปิดสาขาใหม่ใกล้ 5 แยกวัชรพล อยู่ตรงข้ามออฟฟิศเราพอดี แบบนี้ไม่ให้ลองก็คงไม่ได้ ร้านนี้มีบุฟเฟต์ 2 ราคาคือ 713 บาท และ 1,189 บาท Net ยกเว้นต้องการเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ก็ต้องจ่ายเพิ่ม มีให้เลือก 2 ราคา แพ็คเกจอาหารที่มีให้เลือกคือ 666+ บาท ( 713 บาท ) และ 1,111+ บาท ( 1,189 บาท ) โดยทั้ง 2 ราคาจะรวมเครื่องดื่มและของหวานทั้งหมด ยกเว้นเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ชุด 666+ จะมีชาบูเนื้อพรีเมี่ยม เนื้อ US เนื้อ AUS รวมถึงสารพัดซาซิมิ และของดองซอสทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็น แซลมอนดอง กุ้งดอง ไข่ดอง และยังมีกลุ่มของเทปันยากิน และเมนูปิ้งย่างเสียบไม้ ส่วนชุด […]
ในช่วงที่ไก่ทอดเกาหลีทยอยมาเปิดสาขาในไทย แต่จุดที่ทำให้ Pelicana ดึงดูดทีมงานเราก็เพราะนี่คือจุดเริ่มต้นของไก่ทอดเกาหลีอันโด่งดัง โดดเด่นด้วยซอสราว 10 รสให้เลือก และสิ่งที่ห้ามพลาดคือชีสบอลที่นำเข้า และข้าวมันไก่ที่พัฒนาขึ้นเพื่อขายในประเทศไทยโดยเฉพาะ หลากหลายเมนูชวนให้ลอง เมนูส่วนใหญ่ของ Pelicana จะเป็นไก่ทอดโดยจุดต่างคือซอสที่แตกต่างกัน เช่น ซอสซิกเนเจอร์, ซอสน้ำผึ้ง, ซอสสโมคกี้ฮอต, ซอสกังจอง, ซอสเผ็ด, ซอสสโมคกี้มาโย, ซอสเผ็ดมาโย, ซอสกระเทียม, ซอสถั่วเหลือง, และโรยผงชีส นอกจากซอสและการปรุงแต่ละแบบแล้ว ยังสามารถเลือกได้อีกว่าจะเอาปีก, ครึ่งตัว, ทั้งตัว ซึ่งถ้าเราสั่งไก่ทอดเราจะได้ไชเท้าดองไม่อั้นด้วย แก้เลี่ยนได้ดีมาก และยังมีของกินเล่นอื่นๆ เช่น ชีสบอล, มันหวานชีสสติ๊ก, แร๊พไก่กรอบ, เบอร์เกอร์ไก่กรอบ และอื่นๆ อีก เราได้ลองไก่กันหลายรสเลยครับ สิ่งที่เราชอบคือแต่ละรสจะมีความแตกต่างกันชัดเจน คาแรกเตอร์เด่น และทุกตัวจะมีความหอมเฉพาะอยู่ เช่น ซอสน้ำผึ้งก็จะหวานๆ กินง่ายๆ, โรยผงชีสก็จะหอมนวล เนื้อนุ่ม แป้งกรอบ ลงตัวมาก แต่ที่อยากแนะนำว่าต้องลองคือไก่ทอดออริจินอลซอสซิกเนเจอร์ เพราะเนื้อสัมผัสมันจะแตกต่างอย่างชัดเจนแบบหาจากร้านอื่นไม่ได้ หนังไก่จะไม่ได้ชุบแป้งกรอบหนาเหมือนตัวอื่น แต่มีความกรอบนอกนุ่มใน ถ้าอยากได้อะไรที่แปลกกว่าไก่ทอด แต่อยากกินไก่ทอด […]