Under development
รีวิว OPPO Reno14 5G ประสบการณ์ใหม่ AI Flash แบต 6000mAh รองรับ O+ Connect
ออปโป้ขึ้นชื่อเรื่องการถ่ายภาพบุคคลมานาน และการมาของ OPPO Reno14 5G คือยกระดับอัปเกรดประสบการณ์ The AI Portrait Expert ขึ้นไปอีกขั้น ด้วยองค์ประกอบหลายอย่างเช่น AI Flash Photography ที่สว่างสุดในวงการ ด้วยไฟแฟลช 3 ดวง และมีกล้องพอร์ตเทรตซูมได้ 3.5x รุ่นเดียวในเรทราคานี้ และยังพามาพร้อมกับ AI สำหรับใช้งานในชีวิตประจำวันอย่างครบถ้วน
กล้องเด่นกว่าในราคาเท่ากัน
หากเทียบกับสมาร์ทโฟนในราคาใกล้เคียงกัน จะพบว่า OPPO Reno14 5G มีระบบกล้องที่น่าสนใจกว่า โดยให้มาครบทั้งกล้องมุมกว้าง, กล้องหลัก, และเทเล และยังให้แฟลชมาถึง 3 ตัวสำหรับระยะการใช้งานที่ต่างกัน
- กล้องมุมกว้าง 116 องศา ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล เซ็นเซอร์ OV08D
- กล้องหลักความละเอียด 50 ล้านพิกเซล เซ็นเซอร์ IMX882 ระบบกันสั่น OIS
- กล้องเทเลระยะ 3.5x ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล เซ็นเซอร์ JN5 ระบบกันสั่น OIS
และจุดสำคัญอีกอย่างคือแฟลช 3 ดวง แบ่งเป็นแฟลชคู่สำหรับกล้องหลัก และที่พิเศษคือแฟลชสำหรับกล้องเทเล ซึ่งถือเป็นรุ่นแรกของวงการ ทำให้การซูมถ่ายระยะ 3.5x สามารถทำงานร่วมกับแสงแฟลชได้ ส่วนกล้องหน้าความละเอียด 50 ล้านพิกเซล ใช้เซ็นเซอร์ Samsung S5KJN5
ในการถ่ายรูปบุคคลในที่แสงน้อย ออปโป้ได้ใช้เทคนิคที่ชื่อ Dual Exposure Fusion โดยจะเก็บภาพช่วงแสงสั้นเพื่อหยุดการเคลื่อนไหว และใช้แสงยาวเพื่อเก็บรายละเอียด จากนั้นจะทำการรวมภาพเข้าด้วยกัน
ผมได้ทดสอบถ่ายรูปงานปาร์ตี้เล็กๆ ในบ้านที่มีแสงสีต่างๆ จากหลอดไฟ RGB ซึ่งนับเป็นแสงที่ยากสำหรับกล้องสมาร์ทโฟน แต่ OPPO Reno14 5G สามารถเก็บภาพได้ดีเกินคาด ยิ่งถ้าเปิดแฟลชด้วยก็จะเห็นเลยว่าแสงสีต่างๆ ดูดีขึ้น รายละเอียดคมชัดขึ้น
จากรูปตัวอย่างที่ทดสอบ จะเห็นเลยว่าในระยะ 3.5x แสงแฟลชยังยิงไปถึง ช่วยตัดกับแสงสีแดงและเขียว ทำให้ได้สีผิวที่ใกล้เคียงความจริงมากขึ้น ในขณะที่ยังสามารถเก็บแสงสีบรรยากาศได้อย่างครบถ้วน ซึ่งตรงนี้ก็แล้วแต่ความชอบว่าเราอยากได้อารมณ์ของภาพแบบไหน
ที่จริงแล้วระยะ 3.5x คือระยะที่เหมาะกับการถ่ายรูปบุคคลมากกว่าระยะ 1x พอมีแฟลชสำหรับระยะนี้เข้ามา ก็ยิ่งทำให้ผมสนุกกับการถ่ายระยะนี้มากขึ้น ถ้าใช้กับโหมด Photo จะได้ภาพที่เก็บฉากหลังครบถ้วน แต่ถ้าอยากจะละลายหลังทิ้งให้ตัวบุคคลเด่นขึ้นก็ให้เปิด Portrait ครับ
ผมลองเอาไปถ่ายในจุดที่แสงเพียงพอสำหรับการปิดแฟลช แต่ผมเปิดแฟลชเพื่อต้องการทดสอบ ผลลัพธ์ก็คือ ตัวบุคคลจะเด่นชัดขึ้นกว่าเดิม และฉากหลังจะมืดขึ้น
ข้อดีอีกอย่างของออปโป้คือเราสามารถถ่ายบุคคลดูดีได้โดยไม่ต้องเข้าโหมด Portrait เพราะโหมดปรกติก็สามารถปรับความบิ้วตี้ได้ และยังมีฟิลเตอร์ให้ใช้งานด้วย ทำให้ภาพดูน่าสนใจมากขึ้น ซึ่ง Gen Z ชอบครับ เพราะผมลองเอารุ่นนี้ให้นางแบบนายแบบเราเล่น แล้วปล่อยให้ถ่ายกันเองเลย ผลคือทุกคน happy
และสถานการณ์ยอดนิยมที่ขาดไม่ได้เลย ก็คือบรรยากาศในร้านคาเฟ่ และรุ่นนี้ก็ไม่ทำให้เราผิดหวัง รายละเอียดต่างๆ ชัดเจน และยังเกลี่ยผิวปรับบิวตี้ให้ตามที่เราตั้งด้วย
สลับมาที่กลางแจ้งแสงเยอะกันบ้าง เราได้ลองกันแบบคนทั่วไปที่ใช้งานจริง ก็พบว่า OPPO Reno14 5G ทำได้น่าพอใจทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการเซลฟี่กลางสวนช่วงบ่ายในโหมด Portrait
หรือการใช้กล้องหลังรวมไปถึงการใส่ฟิลเตอร์ให้ภาพดูฟุ้งฝัน ก็ดูดีโดยไม่ต้องปรับแต่งเพิ่ม
ส่วนหนึ่งก็ต้องชมระบบการประมวลผลของออปโป้ด้วย เพราะรูปที่ถ่ายมาจะดูสวยขึ้นอีกระดับหลังจากที่ระบบประมวลผลเสร็จ สำหรับสายวีดีโอก็ต้องชอบรุ่นนี้ เพราะรองรับ 4K HDR ทุกระยะเลนส์ และยังมีโหมดช่วยลดเสียงรบกวนรอบข้างด้วย
การแก้ไขรูปหลังถ่ายที่ตรงตามความคาดหวัง
สิ่งที่มีประโยชน์มากแต่หลายคนอาจมองข้ามก็คือ AI Live Photo ที่เก็บช่วงเวลาก่อนกดถ่ายระยะหนึ่ง ข้อดีของฟีเจอร์นี้ก็คือเราสามารถเลือกช็อตอื่นได้ในกรณีที่ผลลัพธ์ไม่ถูกใจ เช่นเราอาจเผลอหลับตา, หรือถ่ายเทียนวันเกิดช้าเกินไป ก็สามารถแก้ไขได้ด้วยการย้อนเฟรมจากฟีเจอร์นี้
นอกจากนี้ยังมี AI Editor 2.0 อีกหลายตัวที่ผมชอบ อย่างเช่น AI ที่ช่วยลดแสงสะท้อน ซึ่งเราเจอได้บ่อยกับการถ่ายกระจกหรือแว่นตารวมไปถึงตู้ปลา และยังมี AI ที่ช่วยลดความเบลอจากการเคลื่อนไหว รวมไปถึง AI ที่ช่วยเพิ่มความคมชัด
และ AI ที่ช่วยทำการ recompose ในกรณีที่เราต้องการปรับภาพเป็นอัตราส่วนอื่น เช่น 16:9, 4:3 โดยให้องค์ประกอบภาพน่ามองและดึงดูดสายตา
AI ที่ช่วยปรับหน้าให้เป๊ะ เลือกช็อตที่ดีที่สุดให้ ไม่ต้องกังวลว่าจะเผลอหลับตา วิธีการใช้งานก็ง่ายมาก คือตอนถ่ายก็ให้รัวชัตเตอร์ไปเลยครับ หลังจากนั้น AI จะเอาใบหน้าแบบต่างๆ มาให้เราเลือก
และที่เด็ดมากเวลาเราไปเที่ยวตาม Landmark ต่างๆ ที่คนเยอะๆ เราสามารถใช้ AI ลบผู้คนและส่วนเกินของชีวิตเราออกไปได้ง่ายๆ
ดีไซน์มีสไตล์สะกดสายตา
OPPO Reno14 5G มีให้เลือก 2 สีคือ สีขาว Opal White ที่มีลวดลายสะท้อนแสงคล้ายหางปลา และ สีเขียว Luminous Green ที่เหมือนเปล่งแสงออกมา ตัวเครื่องตัดขอบแบนตามยุคสมัย พร้อมกับลบเหลี่ยมให้โค้งมนไม่ระคายมือ และมีน้ำหนักเบาแค่ 187 กรัม และบางแค่ 7.42 มม. ซึ่งถือว่าบางเบามากเมื่อเทียบกับสมาร์ทโฟนราคาใกล้เคียงกัน
เทรนด์อย่างหนึ่งของปีนี้คือสมาร์ทโฟนที่บางเบาพกพาง่าย โดยที่ฟีเจอร์ต่างๆ ครบถ้วน ซึ่ง OPPO Reno14 5G จัดอยู่ในกลุ่มนี้ เพราะหลายคนก็เริ่มเบื่อการพกพาสมาร์ทโฟนหนักๆ กันแล้ว
ประสิทธิภาพดีพอสำหรับเล่นเกม
MediaTek Dimensity 8350 คือ SoC ที่อยู่ใน OPPO Reno14 5G ซึ่งเป็นชิปที่เล่นเกมได้สบายๆ เมื่อทำงานร่วมกับระบบระบายความร้อน AI Ultra-thin Dual-Drive Cooling System ทำให้การเล่นเกมทำได้อย่างลื่นไหลและต่อเนื่อง โดยความร้อนจะถูกระบายออกจากตัวเครื่องให้เร็วที่สุด เพื่อให้เครื่องสามารถทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ
นอกจากนี้ยังมี AI HyperBoost 2.0 ที่เร่งประสิทธิภาพและ AI LinkBoost 3.0 ที่ช่วยให้สัญญาณเสถียรแม้จะอยู่ในพื้นที่สัญญาณแออัด บวกกับแบตเตอรี่ 6000mAh พร้อมระบบชาร์จเร็ว 80W SUPERVOOC ทำให้การเล่นเกมออนไลน์และการทำงานเป็นไปอย่างราบรื่น
หน้าจอขนาด 6.59 นิ้ว ความละเอียด 1.5K กับรีเฟรชเรท 120Hz และ PWM 3840Hz บนจอ AMOLED กับความสว่าง 1,200 nits ที่มี Adaptive Tone ทำให้จอของรุ่นนี้แสดงผลได้อย่างไร้ที่ติ และยังรองรับ Splash touch สามารถสัมผัสสั่งงานหน้าจอได้แม้จะนิ้วจะเปียก รวมถึง Glove mode ที่เหมาะกับชาวไรเดอร์ที่สวมถุงมือ
ฟีเจอร์ด้านการใช้งานประจำวันมาครบ
Hardware จะทำงานได้ดีมีประสิทธิภาพเมื่อเจอ Software ที่ดีอย่าง ColorOS 15.0.2 ซึ่งนำเอาฟีเจอร์ต่างๆ ที่ผู้คนชื่นชอบมาไว้รวมกัน เช่น AI Super Toolbox ที่รวมตัวช่วยต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการแปลภาษาบนหน้าจอ, การบันทึกเสียงสนทนาและสรุปใจความสำคัญ รวมไปถึง Gemini ที่ผนวกรวมเข้ากับ ColorOS ทำให้สามารถสั่งงานร่วมกับแอปของออปโป้ได้
สิ่งที่ผมชอบมากเลยคือ AI VoiceScribe ที่จะทำการบันทึกเสียงการประชุม VDO Call และทำการสรุปให้ รองรับแอปยอดนิยม เช่น Google Meet, Zoom, Line, Telegram, Messenger นอกจากนี้ยังมี Google Circle to Search ที่วงเพื่อหาข้อมูลสิ่งนั้นๆ แต่ที่ผมใช้บ่อยคือปุ่มค้นหาเพลงจากเสียงที่ได้ยิน
และยังมีทีเด็ดคือ O+ Connect ที่ทำให้เราส่งไฟล์ระหว่าง macOS และ iOS ได้ นอกจากนี้ยังมี Remote Mac Control ที่สามารถทำ Remote Desktop เข้าไปควบคุมเครื่องแมคได้ ทำให้เราสามารถใช้งานเครื่องแมคได้จากทุกที่ของแค่มี OPPO Reno14 5G นอกจากนี้ยังสามารถทำ FTP เข้าถึงไฟล์บนเครื่องแมคของเราได้ด้วย เหมือนย่อเครื่องแมคมาไว้บนสมาร์ทโฟนที่เราพกพาใส่กระเป๋ากางเกงได้
ฟีเจอร์ O+ Connect ช่วยให้ผมปิดจ๊อบดีลงานกับลูกค้าได้หลายครั้งแล้วครับ เพราะบ่อยครั้งที่ไฟล์อยู่บนเครื่องแมคที่บ้าน ถ้าเป็นปรกติเราก็ต้องบอกลูกค้าว่าเดี๋ยวกลับบ้านแล้วจะส่งไฟล์ให้นะครับ แต่พอเรามีฟีเจอร์นี้ก็สามารถ FTP เข้าไปโหลดไฟล์จากเครื่องแมคแล้วส่งให้ลูกค้าได้ทันที มันดีมากๆ ครับ
ผมลองเปิดหน้าจอเทียบให้ดูกันชัดๆ เลยว่าการ FTP จะเจอ Folder และ File เหมือนกับบนเครื่องแมคเลย บางคนอาจสงสัยว่ามันต่างกับ Remote Mac Control บน OPPO Find N5 ไหม? คำตอบคือมันเหมือนกันเลยครับ
ความเห็นเพิ่มเติม
ความประทับใจของผมกับรุ่นนี้ในแง่ของกล้องก็คือมันง่าย มันสวย แบบที่ผมเอาเครื่องให้น้องๆ ไปถ่ายเล่น แล้วบอกว่า “ถ่ายเล่นเหมือนใช้ปรกติเลย” โดยที่ผมไม่ต้องกำกับการถ่าย มันก็ออกมาดี นั่นหมายความว่าใครๆ ก็ถ่ายสวยได้จริง ไม่จำเป็นต้องเป็นนักรีวิวหรือช่างภาพ
และตั้งแต่ผมย้ายมาใช้ OPPO เป็นเครื่องหลัก ผมค้นพบว่ามันช่วยให้ผมรอดพ้นจากหายนะทางการงานได้หลายครั้งมาก โดยเฉพาะการบันทึกเสียงการโทรพร้อม AI ที่ช่วยสรุป เพราะแต่ละวันผมต้องโทรติดต่อคนเยอะมาก แล้วบางครั้งก็จำไม่ได้ว่าเบอร์ไหนคือใคร คุยเรื่องอะไร พอมี AI ช่วยสรุปก็ทำให้เราย้อนฟังรายละเอียดในคลิปได้ง่ายขึ้น ประหยัดเวลาค้นหาเอง และผมใช้ Gemini pro ในการช่วยสรุป YouTube ด้วยการกดปุ่มด้านข้างแล้วถามข้อมูลในวีดีโอได้เลย ซึ่งมันประหยัดเวลามากๆ เวลาอยู่นอกบ้านแล้วต้องส่งไฟล์ให้ลูกค้าก็สามารถใช้ Remote Mac Control หรือ FTP เข้าไปโหลดไฟล์ส่งให้ลูกค้าได้ OPPO Reno14 5G เป็นมากกว่าสมาร์ทโฟนแบบที่เราเคยรู้จัก และมันช่วยให้ชีวิตเราง่ายขึ้นมากครับ