Under development
รีวิว BINCHO ว่าด้วยการย่างและวิถีแห่งไฟแบบญี่ปุ่น
ในยุคสมัยที่ทุกคนเร่งรีบกับทุกสิ่งรอบตัว แต่ BINCHO กลับทำให้ผมรู้สึกว่านี่คือมื้อแห่งการพักผ่อน ที่พิถีพิถัน คนครัวที่ควบคุมทุกรายละเอียด ทำให้เรารู้สึกละเมียดละไมไปกับอาหารที่อยู่ตรงหน้าด้วย
ความพิเศษของ BINCHO
BINCHO มีแนวคิดการใช้ “วิถีแห่งไฟ” ในแบบญี่ปุ่น โดยใช้เตาอิโรริ ( Irori ) และเลือกใช้ถ่านบินโชตัน ซึ่งเป็นถ่านไม้ชั้นดีจากจังหวัดวาคายามะ ที่ให้ความร้อนนิ่ง ไม่มีควัน ไม่มีกลิ่นรบกวน ปลอดภัย และถ่านชนิดนี้ยังช่วยดึงรสแท้จากวัตถุดิบออกมาได้ลึกกว่าเดิมด้วย
ในญี่ปุ่น “Robatayaki” ไม่ใช่แค่การย่างอาหาร แต่คือศิลปะที่เกิดจากไฟ ความอดทน และความใส่ใจ วัตถุดิบแต่ละชิ้น ไม่ว่าจะเป็นเนื้อปลา หมู ไก่ หรือเสียบไม้แบบ Yakitori จะถูกวางอย่างประณีตบนเตาถ่าน บินโชตัน ไฟไม่แรงเกินไป ไม่รีบร้อน
เมนูที่เราได้ลอง
เมนูแรกที่เราได้ลองคือ Kinki Shioyaki Set ที่มาพร้อมกับปลาย่าง โดยแต่ละเซ็ตจะมาพร้อมกับแนวคิด “เทโชกุ” คือ “หนึ่งซุป สามกับ” มื้ออาหารสมดุลแบบญี่ปุ่น โดยออกแบบมาเพื่อชีวิตที่รีบเร่งโตเกียวในช่วงปี 1920 แต่ยังคงไว้ซึ่งความใส่ใจในการปรุง
อาหารจะอร่อยได้ ส่วนสำคัญก็อยู่ที่ข้าว และที่ BINCHO เลือกใช้ข้าว HITOMEBORE จากมิยากิ ที่ถูกเรียกว่า “ข้าวรักแรกพบ” ด้วยเมล็ดข้าวที่อวบ แน่น และหอมละมุนตามธรรมชาติ หุงอย่างพิถีพิถันบนไฟถ่านบินโชตัน ให้ความร้อนค่อย ๆ ซึมเข้าสู่ทุกเมล็ด เสิร์ฟร้อนในหม้อ Hagama ที่เก็บความร้อนได้นาน
วิธีกิน ควรตักข้าวที่ก้นหม้อขึ้นมาเพื่อให้ความร้อนต่างๆ มีความพอดี และเมื่อได้ลองชิมก็ยอมรับว่าข้าวของที่นี่อร่อยมาก
วิธีการกินที่เราลงความเห็นว่าอร่อย คือการคลุกเคล้าเครื่องเคียงเข้าด้วยกัน ทั้งเกลือ ส้มจี๊ด หัวไชเท้า จากนั้นให้ตัดปลาออกมาจิ้ม จะได้ความนุ่ม เปรี้ยวนิด เค็มหน่อย และสดชื่น หรือจะจิ้มกับซอสพอนซึที่เสิร์ฟมาในเซ็ตก็ได้
ชุดผักดองที่เสิร์ฟมาคู่กัน ก็มีรสชาติเอกลักษณ์แตกต่างกันไป ซึ่งแต่ละคนก็อาจชอบต่างกันครับ
ซุป ไข่ตุ๋น และเต้าหู้ เป็นเมนูที่เข้ากันได้อย่างลงตัวกับเซ็ตนี้ ไข่ตุ๋นมีความนุ่มละมุนหอม เต้าหู้ก็สดชื่น ซุปก็ให้ความรู้สึกสงบ
ถัดมาคือ Porkchop Miso Ginger ซึ่งทางร้านจัดเป็น Value set ที่อิ่มอร่อยคุ้มราคา โดยส่วนที่ผมประทับใจก็คือหมูมีความนุ่มและหอมมาก
สำหรับผมแล้วภาพจำหมูส่วนนี้มักจะติดกระด้างหน่อยๆ แต่ที่ BINCHO ปรุงออกมาแบบนุ่มละมุนมากๆ ครับ และยังหอมกลิ่นซอสที่ราดมาด้วย
อีกเมนูที่คิดว่าอิ่มได้ก็คือ BINCHO Tori Bento ซึ่งเป็นเมนูจำพวกยากิโทริ เสียบไม้ย่างและรูดไม้ออกมาวางไว้บนข้าว ครึ่งหนึ่งเป็นพวกเครื่องในเช่น หัวใจไก่, ตับ, กึ๋น อีกฝั่งจะเป็นไก่บดตามสูตรของร้านและนำมาปั้น, และไก่ส่วนต่างๆ
ทีเด็ดที่อยากให้ลองอยู่ในชุดเครื่องปรุง คือ Aka miso sauce และ Bushi bincho sauce ซึ่งคู่มีเอกลักษณ์ความหอมที่แตกต่างกัน แต่โดยรวมแล้วทีมงานเราลงความเห็นว่า Bushi bincho sauce แค่ราดข้าวก็อร่อยแล้ว มีความหอมของปลา ความนวลของรสชาติ อร่อยมาก! จะตัดราดเมนูไหนก็อร่อย
ยิ่งราด Bushi bincho sauce บน BINCHO Tori Bento ยิ่งหอมนัวนวล ลงตัวมาก แต่ถ้าคุณเป็นสายยากิโทริและไม่เน้นข้าว จะสั่งเป็น Bincho’s Yakitori Set ก็ได้ครับ
สิ่งที่ผมชอบเซ็ตนี้เลยก็คือ เราสามารถเอาลงไปจิ้มไข่กับซอสได้เต็มปากเต็มคำมากกว่า และชิ้นไก่ที่เสียบไม้มาเต็มๆ แบบนี้ก็กินได้เต็มปากเต็มคำ รับรสได้เต็มกว่า
อีกเมนู Tachiuo Shioyaki เสิร์ฟคู่กับซอสพอนซึ วิธีกินก็คล้ายกับเซ็ตปลาย่าง Kinki Shioyaki Set คือคลุกเคล้าเครื่องเคียงให้เข้ากัน จากนั้นนำเนื้อปลาเข้าไปจิ้มด้วย แต่ตัวผัวสัมผัสของปลาชนิดนี้ก็จะต่างออกไป ซึ่งผมก็ไม่รู้จะบรรยายยังไงดี ของแบบนี้ต้องลองเองครับ
อีกเมนูที่ผมคิดว่าน่าสนใจก็คือ Ebi Shioyaki ที่ให้กุ้งตัวใหญ่ ย่างมากำลังดี เนื้อแน่นเด้ง
ความเห็นเพิ่มเติม
ความจริงแล้ว BINCHO มีเมนูอีกมากมายหลายอย่าง อย่างไรก็ตาม สิ่งที่อยากบอกก็คือทุกเมนูของร้านนี้ พอเสิร์ฟแล้วควรรีบกิน ไม่ควรถ่ายรูปนาน เพราะของย่างที่ทิ้งไว้นานจะไม่อร่อย โดยเฉพาะปลาที่หนังจะเริ่มเหนียว
และต้องยอมรับว่าความคุ้มค่าของ BINCHO ไม่ใช่แค่เรื่องของอาหาร แต่เป็นเรื่องของบรรยากาศร้านด้วย การเปิดให้เห็นครัวและการปรุง มันทำให้เรารู้สึกอินยิ่งกว่าเดิม การตกแต่งร้านก็ให้บรรยากาศสบาย ทำให้รู้สึกเหมือนได้มาพักผ่อนและอิ่มท้องด้วย